หากคุณกำลังมองหารถกระบะ 4×4 สักคันมาใช้งาน ไม่ว่าจะใช้ในชีวิตประจำวันหรือลุยกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งงานหนัก หรือการเดินทางที่ต้องการความทนทาน รถกระบะ 4×4 ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมันให้คุณสมบัติที่ครบครัน ทั้งในเรื่องการบรรทุก ขับเคลื่อนทุกสภาพถนน และความทนทานที่ช่วยให้คุณสามารถลุยไปได้ทุกที่ทุกสภาพอากาศ แต่จะเลือกซื้อ รถกระบะ 4*4 ตัวไหนดี ที่เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณของคุณ? มาหาคำตอบกัน!
รถกระบะ 4×4 คืออะไร
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า รถกระบะ 4*4 คืออะไร? รถกระบะ 4*4 หรือที่เรียกกันว่า “รถ 4 ล้อขับเคลื่อนสี่ล้อ” คือรถที่มีระบบขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อที่ทำงานพร้อมกัน ซึ่งเป็นการพัฒนาเพื่อให้รถสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพถนนที่หลากหลาย ทั้งถนนขรุขระ ทางขึ้นเขา หรือแม้กระทั่งลุยน้ำลึก ๆ ในบางกรณี ขับเคลื่อนสี่ล้อช่วยให้รถสามารถเคลื่อนที่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ที่รถกระบะขับเคลื่อนล้อหลัง (2WD) ไม่สามารถทำได้
จุดเด่นของ รถกระบะ 4*4 จึงอยู่ที่ความสามารถในการบังคับควบคุมรถในสภาพถนนที่ยากลำบาก อย่างเช่น ทางดินโคลน น้ำท่วม หรือทางชัน ทำให้มันเหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในออฟฟิศ การบรรทุก และการใช้งานในพื้นที่ทุรกันดาร หรือกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ
รถกระบะ 4*4 ตัวไหนบ้างที่น่าสนใจในปีนี้?
มาดูรุ่นของรถกระบะ 4×4 ที่น่าสนใจในปีนี้กันดีกว่า ว่ามีรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจและตอบโจทย์การใช้งานที่คุณต้องการ
1. Toyota Hilux Revo 4×4
Toyota Hilux Revo เป็นหนึ่งใน รถกระบะ 4*4 ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย และฟังก์ชันที่ครบครัน Hilux Revo ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะที่มีความทนทานสูง สามารถใช้งานทั้งในเมืองและออกทุ่งได้อย่างยอดเยี่ยม
ราคาเริ่มต้น: 769,000 บาท
เครื่องยนต์: ดีเซล 2.4 ลิตร (อัพเกรดเป็น 2.8 ลิตรในรุ่นที่สูงกว่า)
กำลังสูงสุด: 204 แรงม้า
เกียร์: เกียร์ธรรมดา 6 สปีด / เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ ขับเคลื่อนแบบ Part-Time
รายละเอียด: Toyota Hilux Revo เป็นหนึ่งในรถกระบะ 4×4 ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยความทนทานในการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง พร้อมฟีเจอร์การช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย เช่น ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบควบคุมเสถียรภาพ, และระบบช่วยขับขี่ในสภาพถนนลื่นหรือขรุขระ รุ่นที่มีเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร จะให้กำลังที่มากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้งในพื้นที่ลาดชันหรือทางโคลน
จุดเด่น:
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time ที่สามารถสลับการใช้งานได้ตามต้องการ
- ระบบความปลอดภัยระดับสูง เช่น ระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพถนนยากลำบาก
- ดีไซน์ภายนอกและภายในที่ทันสมัยและสะดวกสบาย
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 พร้อมระบบการทำงานที่ค่อนข้างสมบูรณ์
- ห้องโดยสารกว้างขวางและมีฟีเจอร์ที่ทันสมัย
- ทนทานต่อการใช้งานหนัก
- ประหยัดน้ำมัน
เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการรถกระบะที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในเมืองและขับเคลื่อนในพื้นที่ทุรกันดารได้อย่างมั่นใจ
2. Ford Ranger 4×4
Ford Ranger เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับรถกระบะ 4×4 ด้วยการออกแบบที่มีความทันสมัยและฟีเจอร์ที่ล้ำสมัย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความแรงและประหยัดน้ำมัน
ราคาเริ่มต้น: 699,000 บาท
เครื่องยนต์: ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo
กำลังสูงสุด: 213 แรงม้า
เกียร์: เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ
รายละเอียด: Ford Ranger เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา รถกระบะ 4*4 ที่มีเครื่องยนต์แรงและเทคโนโลยีล้ำสมัย รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และมีระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และยังประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย ฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือระบบช่วยเหลือการขับขี่บนพื้นผิวที่ลื่นไถล ระบบการช่วยขับขี่ในพื้นที่ทุรกันดาร และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
จุดเด่น:
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่สามารถสลับการใช้งานได้ง่าย
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่บนพื้นผิวที่ลื่นไถล หรือในสภาพถนนที่ยากลำบาก
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งระบบเครื่องเสียงและจอแสดงผลที่ชัดเจน
- เครื่องยนต์ Bi-Turbo ที่แรงและประหยัดน้ำมัน
- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
- ระบบการควบคุมเสถียรภาพที่ทันสมัย
- ฟีเจอร์ช่วยขับขี่ในพื้นที่ที่ยากลำบาก
เหมาะสำหรับ: คนที่มองหารถกระบะที่มีความคุ้มค่า ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและออกไปขับขี่ในพื้นที่ทุรกันดาร
3. Isuzu D-Max 4×4
Isuzu D-Max เป็นรถกระบะที่มีชื่อเสียงในด้านความทนทานและการใช้งานที่ประหยัดน้ำมัน จุดเด่นของรุ่นนี้คือความน่าเชื่อถือและความทนทาน แม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ราคาเริ่มต้น: 659,000 บาท
เครื่องยนต์: ดีเซล 1.9 ลิตร / 3.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 190 แรงม้า
เกียร์: เกียร์ธรรมดา 6 สปีด / เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ ขับเคลื่อนแบบ Part-Time
รายละเอียด: Isuzu D-Max เป็นรถกระบะที่มีชื่อเสียงในด้านความทนทานและความประหยัดน้ำมัน รุ่นนี้มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ D-Max คือความแข็งแกร่งของตัวรถที่สามารถใช้งานได้ทั้งในสภาพถนนปกติและพื้นที่ที่ทุรกันดาร อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมทำให้รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานระยะไกล
จุดเด่น:
- เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร หรือ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่มีการสลับการใช้งานง่าย
- การบังคับควบคุมที่มั่นคงแม้ในสภาพถนนที่ไม่ดี
- ความสะดวกสบายในห้องโดยสารและฟีเจอร์ที่ครบครัน
- เครื่องยนต์ดีเซลที่ประหยัดน้ำมัน
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่สามารถใช้งานในสภาพถนนที่ยากลำบาก
- ฟีเจอร์ที่ครบครัน ทั้งในส่วนของความสะดวกสบายและความปลอดภัย
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มองหารถกระบะที่มีความคุ้มค่าในการใช้งานประจำวันและรองรับการใช้งานในพื้นที่ยากลำบาก
4. Mitsubishi Triton 4×4
Mitsubishi Triton เป็นรถกระบะที่มีดีไซน์โดดเด่นและการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการออกแบบที่ดูแข็งแรงและระบบขับเคลื่อนที่ให้การควบคุมที่ดีเยี่ยม
ราคาเริ่มต้น: 765,000 บาท
เครื่องยนต์: ดีเซล 2.4 ลิตร
กำลังสูงสุด: 181 แรงม้า
เกียร์: เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ ขับเคลื่อนแบบ Part-Time
รายละเอียด: Mitsubishi Triton เป็นรถกระบะที่มาพร้อมกับการออกแบบที่ทันสมัยและความแข็งแกร่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่หนักหน่วง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 181 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4×4 ช่วยให้การขับขี่ในพื้นที่ทุรกันดาร หรือทางโคลนทำได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยในการขับขี่ในสภาพถนนที่ยากลำบาก
จุดเด่น:
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 181 แรงม้า
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่ช่วยให้การขับขี่ในทุกสภาพถนนเป็นเรื่องง่าย
- ระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ และระบบควบคุมการทรงตัว
- ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นและฟีเจอร์ภายในที่ใช้งานง่าย
- เครื่องยนต์ที่แรงและประหยัด
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่บนพื้นที่ยากลำบาก
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครบครัน
เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการรถกระบะที่มีความทนทานและตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพถนน
5. Nissan Navara 4×4
Nissan Navara ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความน่าสนใจในตลาด รถกระบะ 4*4 โดยเฉพาะการใช้งานในเชิงพาณิชย์และขับเคลื่อนในพื้นที่ที่ยากลำบาก
ราคาเริ่มต้น: 699,000 บาท
เครื่องยนต์: ดีเซล 2.3 ลิตร
กำลังสูงสุด: 190 แรงม้า
เกียร์: เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ ขับเคลื่อนแบบ Part-Time
รายละเอียด: Nissan Navara เป็นรถกระบะที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการขับขี่ที่มั่นคงและการบรรทุกหนัก พร้อมระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่ช่วยให้สามารถขับขี่ในสภาพถนนที่ยากลำบากได้ดีเยี่ยม เครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดให้การขับขี่ที่สะดวกสบายและคล่องตัว
จุดเด่น:
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่สามารถสลับการใช้งานได้อย่างง่ายดาย
- ฟีเจอร์การช่วยขับขี่ในพื้นที่ที่มีพื้นผิวขรุขระ เช่น ระบบล็อกเฟืองท้าย
- ระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย
- เครื่องยนต์ดีเซลที่แรงและประหยัด
- ระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่ทนทาน
- ห้องโดยสารสะดวกสบายและสามารถบรรทุกได้ดี
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการรถกระบะที่ใช้ในการบรรทุกหนักและขับเคลื่อนในสภาพถนนที่ยากลำบาก
รถกระบะ 4×4 ตัวไหนดีที่สุด?
ทั้งหมดนี้คือรถ รถกระบะ 4*4 รุ่นที่น่าสนใจในปีนี้ หากคุณกำลังมองหารถกระบะที่มีความทนทานและสามารถใช้งานในพื้นที่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนที่ขรุขระหรือพื้นผิวที่ไม่เรียบ แน่นอนว่าทุกตัวเลือกในรายการนี้มีข้อดีของตัวเอง
- Toyota Hilux Revo เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความทนทานและเครื่องยนต์ที่แรง
- Ford Ranger เหมาะสำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเครื่องยนต์ Bi-Turbo ที่แรง
- Isuzu D-Max เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งานทั่วไป
- Mitsubishi Triton มีดีไซน์ที่โดดเด่นและเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ทุรกันดาร
- Nissan Navara เหมาะสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์และการบรรทุกหนัก
การเลือกซื้อรถ รถกระบะ 4*4 ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน ควรพิจารณาจากการใช้งานเป็นหลัก ว่าจะใช้รถสำหรับอะไร เช่น การเดินทางไกล, การบรรทุกหนัก หรือขับขี่ในสภาพถนนที่ยากลำบาก หรือถ้าคุณมีความสนใจในเรื่องของเทคโนโลยีหรือการขับขี่ที่สะดวกสบาย ก็สามารถเลือกจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่แต่ละรุ่นมีให้
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อรุ่นไหนก็อย่าลืมพิจารณาเรื่องของการบำรุงรักษาและการบริการหลังการขายที่ดี เพื่อให้คุณสามารถใช้รถได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน
อ่านบทความเกี่ยวกับสินเชื่อรถกระบะเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ใส่ความเห็น